[บทความรีวิวนี้อาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกๆหัวข้อจากหนังสือนะครับ ขอบคุณครับ]
เราปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าตอนนี้โลกเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และปัจจัยสำคัญที่สุด ก็คือเทคโนโลยี
แต่การพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ผ่านมา ส่วนมากแล้วจะเกิดขึ้นอย่างเจาะจงและแบ่งแยก
มันจะมีอะไรเกิดขึ้นถ้าการพัฒนาในหลายๆด้านมารวมตัวกัน? แล้วมันจะกระทบกับความเป็นอยู่ของเราอย่างไร?
หนังสือที่จะมาสรุปให้ฟังวันนี้นะครับ The Future Is Faster Than You Think
เล่มนี้ยังไม่มีแปลนะครับ และชื่อหนังสือแปลตรงๆก็คือ “อนาคตจะเร็วกว่าที่คุณคิด”
ผู้เขียนคือ Peter Diamandis เป็นนักธุรกิจ วิศวะ และเป็นแพทย์ และเคยก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีหลายบริษัท และจบการศึกษาจาก MIT และ Harvard
อีกท่านหนึ่งชื่อว่า Steven Kotler เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกฝนการสร้างประสิทธิภาพ และเคยเป็นนักข่าวที่นิตยสาร Time และ Forbes
พลังแห่งการรวมตัวเทคโนโลยี
ถ้าให้ลองจินตนาการโลกอนาคตนะครับ ภาพที่หลายคนน่าจะคิดถึง คือรถยนต์บินได้
จริงๆแล้วรถยนต์บินได้ มีการพูดถึงมานานมาแล้วในอดีต แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นสักที
ขนาด Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท PayPal ได้เขียนไว้ในปี 2011 ว่า “อนาคตเราหายไปไหน แทนที่จะได้รถยนต์บินได้ เรากลับได้ app ที่พิมพ์ได้ 140 ตัวอักษร”
แต่ตอนนี้ มีหลายบริษัทกำลังลงทุนในด้านนี้ และคาดว่าภายในปี 2030 การขนส่งในเมืองทางอากาศ อาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดา
คำถามก็คือ ทำไมมันถึงจะเกิดขึ้นในตอนนี้ ทั้งๆที่มีการจินตนาการเป็นเวลานานแล้ว?
คำตอบก็คือ “convergence” หรือการรวมตัวของเทคโนโลยี
ในทศวรรษที่ผ่านมา มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านมอเตอร์ ด้าน AI และ data และด้านการเก็บพลังงานอย่างแบตเตอรี่
บวกกับเทคโนโลยีการออกแบบที่ซับซ้อน มีวัสดุที่เบาและแข็งแรง และการผลิตโดยใช้ปริ้นเตอร์ 3 มิติ
ทั้งหมดทำให้รถยนต์บินได้ใกล้เข้ามามากกว่าที่คิด
นอกเหนือจากรถยนต์บินได้แล้ว ตอนนี้ก็มีการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ การขนส่งแบบ Hyperloop หรือแม้กระทั่งการบินโดยใช้จรวด
ไม่ใช่แค่ด้านขนส่งอย่างเดียวนะครับ การรวมตัวของเทคโนโลยี ก็กำลังเร่งการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้าน และมันจะปรับปรุงชีวิต และสร้างโอกาสอย่างมหาศาล
วัฏจักรเทคโนโลยี
ผู้เขียนได้เสนอเทคโนโลยีประเภทที่เรียกว่า Exponential Technology หรือ “เทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด” คือเทคโนโลยีที่ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลงอย่างสม่ำเสมอ
เทคโนโลยีประเภทนี้ จะต้องผ่านวัฏจักรการเติบโตที่เรียกว่า “6 D’s of Exponentials“
Digitalization เป็นการเปลี่ยนสภาพมาเป็นแบบดิจิตอล ซึ่งจะขับเคลื่อนอยู่บนกฎ Moore’s Law ที่ว่าพลังของการคำนวณด้านคอมพิวเตอร์ จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกๆปีครึ่ง
Deception เป็นการที่เทคโนโลยีใหม่ๆได้รับความสนใจอย่างมาก แต่ความคืบหน้าในตอนต้นอาจจะล่าช้าทำให้หลายคนผิดหวัง
Disruption เป็นการที่เทคโนโลยี มีการกระทบกับอุตสาหกรรม ตลาด หรือสินค้าและการบริการที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
Demonetization เป็นการที่ต้นทุนของเทคโนโลยีใหม่แทบจะหายไปเกือบทั้งหมด ตัวอย่างที่ดีคือการใช้ฟิล์มถ่ายรูปในสมัยก่อน แต่กล้องดิจิตอลจะถ่ายรูปเท่าไหร่ก็ได้ก็ไม่เสียเงินเพิ่ม
Dematerialization เป็นการที่ผลิตภัณฑ์เก่าๆเริ่มจะหายไป และมารวมตัวกันอยู่ในผลิตภัณฑ์เดี่ยว ที่เห็นได้ชัดก็คือ smartphone
Democratization เป็นการขยายการเข้าถึงของเทคโนโลยีให้ไปสู่คนจำนวนมาก
เทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด
คราวนี้เรามาฟังกันนะครับว่าเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดมีอะไรบ้าง
Quantum Computing ควอนตัมคอมพิวติ้ง
การพัฒนาด้าน quantum computing ทำให้มีการเก็บข้อมูลแบบใหม่เรียกว่า quantum bit ที่เป็นได้หลายสภาวะในตอนเดียวกัน และแตกต่างจากการเก็บข้อมูล binary ที่เป็นได้แค่ 0 หรือ 1
ถ้าให้เปรียบเทียบเหรียญจะเป็นได้แค่หัวหรือก้อย แต่เหรียญที่หมุนอยู่เป็นทุกๆสภาวะในตอนเดียวกัน
ควอนตัมคอมพิวติ้งจะช่วยในการเก็บข้อมูลและคำนวณอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และจะเป็นผลดีกับการวิจัยและการจำลองที่ซับซ้อน
AI ปัญญาประดิษฐ์
หลายปีที่ผ่านมา AI ได้พัฒนาเป็นรูปแบบ machine learning ที่ใช้ algorithm เพื่อเรียนรู้จาก data จำนวนมาก
แต่ตอนนี้ มันกำลังพัฒนาไปสู่ reinforcement learning คือแค่วางกฏเกณฑ์พื้นฐาน มันก็จะเรียนรู้โดยทำการทดลองด้วยตัวมันเอง และไม่ต้องพึ่ง data
ตัวอย่างคือ AlphaGo Zero ที่ใช้เวลาแค่ไม่กี่วันในการเรียนรู้เกมหมากล้อม ก็สามารถเอาชนะผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกได้
ในอนาคต เราอาจจะเห็น AI ในรูปแบบ JARVIS ที่เป็นผู้ช่วย Iron Man ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจในหลายๆอย่าง
Networks 5G เครือข่าย 5G
ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลกมีการเชื่อมโยงกันผ่านระบบเครือข่าย
ขั้นต่อไปของการพัฒนา คือ 5G Network ที่จะมีความเร็วมากกว่า 4G หลายเท่า
และในการเชื่อมต่อประชากรโลกที่เหลือ หลายบริษัทเทคโนโลยี ก็กำลังพัฒนาบอลลูนและดาวเทียมที่จะให้การเชื่อมโยงแบบ wireless
ภายในทศวรรษหน้า ใครที่ต้องการเชื่อมโยงก็จะเชื่อมโยงได้ และการที่ประชากรบนโลกออนไลน์จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว อาจจะทำให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาด้านเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
Sensors อุปกรณ์เซ็นเซอร์
คนจำนวนมากใช้อุปกรณ์เซ็นเซอร์ในการวัดข้อมูลต่างๆของร่างกาย อย่างเช่น Oura Ring ที่มีประสิทธิภาพในการวัดค่าสูงเกือบเท่ากับอุปกรณ์การแพทย์
การที่อุปกรณ์จำนวนมากเชื่อมโยงกัน ทำให้เกิดเครือข่ายที่เรียกว่า Internet of Things ที่จะเก็บข้อมูลมหาศาล
ในอนาคต อุปกรณ์เซนเซอร์จะยิ่งเล็กลงและถูกลง และจะเป็นประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ
Robotics หุ่นยนต์
หลายปีที่ผ่านมา หุ่นยนต์มีความซับซ้อนมากขึ้น และมันเริ่มทำงานแทนมนุษย์ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้แรงและมีความเสี่ยงสูง
และรวมไปถึงหุ่นยนต์ drone ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่ง
หุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นในหลายๆด้าน
แต่ที่สำคัญกว่านั้น การรวมตัวกันของหุ่นยนต์ AI และเซ็นเซอร์ จะมีส่วนในการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ
Virtual and Augmented Reality เทคโนโลยีโลกเสมือนจริงและโลกความเป็นจริงเสริม
Virtual Reality VR หรือเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง กลับมาได้ความสนใจหลังจากปี 2000 และการพัฒนาสมาร์ทโฟน ก็ทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ในขณะเดียวกัน Augmented Reality AR หรือเทคโนโลยีโลกความเป็นจริงเสริม ก็มีการพัฒนาเร็วเช่นกัน อย่างเช่นเกม Pokemon GO ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
แต่ไม่ใช่แค่เกมอย่างเดียว ในด้านการศึกษามันจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรียนรู้ หรือในด้านอุตสาหกรรมก็จะช่วยอบรมพนักงานในการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ
3-D Printing การพิมพ์ 3 มิติ
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ สามารถพิมพ์เกือบทุกๆวัตถุ เกือบทุกๆรูปแบบ และทำได้เร็วขึ้นอย่างมาก
นี่จะมีผลกระทบในด้านอุตสาหกรรม เพราะอาจไม่จำเป็นจะต้องเก็บสินค้า แค่ต้องเก็บวัตถุดิบในการพิมพ์สิ่งที่ต้องการตอนที่ต้องการ ซึ่งจะกระทบกับห่วงโซ่อุปทานและการขนส่ง
ในปี 2019 ประเทศเม็กซิโกได้มีการทดลองสร้างบ้านโดยใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ
ถ้านำมาใช้อย่างกว้างขวาง มันจะช่วยในการรับมือกับปัญหาความยากจนได้
Blockchain บล็อกเชน
ตอนนี้คงมีคนน้อยมากที่ไม่เคยได้ยิน Bitcoin หรือ cryptocurrency
แต่การปฏิวัติที่แท้จริง มาจากเทคโนโลยีเบื้องหลังที่เรียกว่า blockchain
ง่ายๆนะครับ มันเป็นการเก็บบัญชี digital ที่มีความโปร่งใส ที่แบ่งปันให้ทุกคน และทุกคนเปลี่ยนแปลงและตรวจสอบได้ จึงไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง
ที่จะต่อยอดได้อีก คือลักษณะที่เรียกว่า smart contract ที่เป็นการสร้างสัญญาระหว่างกัน และเมื่อสภาวะตามที่สัญญาระบุไว้เกิดขึ้น เงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ก็จะเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีคนบังคับ
ยังมีอีกลักษณะที่เรียกว่า smart object ที่เป็นการสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับสินทรัพย์ดิจิตอลที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ และอาจจะแลกเปลี่ยนมาเป็นสิ่งของในชีวิตจริง
Material Science and Nanotechnology วัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี
ในปัจจุบัน Materials Science หรือวัสดุศาสตร์ ได้ใช้ AI ในการทดลองหลากหลายวัตถุ และหลากหลายวิธีการผสมผสานของแต่ละธาตุ และมันจะช่วยในการพัฒนาด้านการจัดเก็บพลังงาน ไปถึงการค้นหาวัตถุเพื่อผลิตหุ่นยนต์
ส่วนหนึ่งของวัสดุศาสตร์ คือ Nanotechnology เป็นการย่อส่วนวัตถุให้เล็กลงถึงขนาดนาโน ที่เล็กกว่าสาย DNA ถึง 2.5 เท่า
มันอาจจะช่วยให้หลายๆวัตถุแข็งแรงขึ้นและเบาลง และในด้านการแพทย์ อาจจะช่วยในการต่อสู้กับโรคร้ายหลายชนิด
Biotechnology เทคโนโลยีชีวภาพ
Biotechnology หรือเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นการศึกษาองค์ประกอบพื้นฐานของชีวิต และมีการพัฒนาจนสามารถอ่านลำดับ DNA ได้เร็วและถูกกว่าในอดีตอย่างมาก
นอกเหนือจากนั้นแล้วการศึกษา stem cells จะช่วยปรับเปลี่ยนเซลล์อื่นๆในร่างกายได้
ตัวเร่งเทคโนโลยี
เทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด มีผลข้างเคียงหลายอย่างที่จะเป็นตัวเร่งการพัฒนานวัตกรรม
ผู้เขียนเห็นว่ามี 7 ตัวเร่งด้วยกัน
(1) เทคโนโลยีทำให้คนเราประหยัดเวลา และเวลาที่เพิ่มขึ้นก็นำไปใช้ในการคิดค้นได้
(2) การระดมทุนทำได้ง่ายขึ้น เพราะมีหลายหนทาง ไม่ว่าจะเป็น crowdfunding, venture capital, หรือผ่าน cryptocurrency
เมื่อทุนมากขึ้นก็จะช่วยผลักดันนวัตกรรม
(3) Demonetization เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของวัฏจักรการเติบโตของเทคโนโลยีที่พูดไปแล้ว
ก็คือต้นทุนที่ต่ำลง จะทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงตลาดได้กว้างขวาง และจะส่งเสริมการพัฒนาต่อไปอีก
(4) โลกเรามีคนระดับอัจฉริยะจำนวนมาก และการเชื่อมโยงที่กว้างขวาง ทำให้คนพวกนี้ถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยียังจะช่วยพัฒนาสมองและความทรงจำให้คนจำนวนมาก และจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
(5) การเชื่อมโยงที่กว้างขวาง ก็จะช่วยให้สื่อสารและแบ่งปันข้อมูลได้ดีขึ้น ทำให้หลากหลายแนวคิดผสมผสานกัน และอาจจะนำไปสู่ความคิดใหม่ๆ
(6) เทคโนโลยีใหม่ๆก็นำมาซึ่งรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างสินค้าหรือการบริการที่ดีกว่า ถูกกว่า และเร็วกว่า ทำให้ทุกๆธุรกิจต้องปรับตัวและพัฒนา
อย่างเช่น บริษัท Airbnb ที่ทำให้ธุรกิจการโรงแรมต้องปรับตัว
(7) มีอัจฉริยะในอดีตจำนวนมากที่ประสบกับปัญหาสุขภาพ และเสียชีวิตเร็วเกินควร แต่เทคโนโลยีทำให้คนเราอายุยืนขึ้น และเพิ่มโอกาสในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ
การเกิดใหม่ของทุกสิ่ง
เราได้พูดถึงเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดดและตัวเร่งข้างเคียงไปแล้วนะครับ คราวนี้มาฟังกันว่ามันจะมีผลกระทบกับชีวิตเราในด้านไหนบ้าง
การช้อปปิ้ง
ในด้านช้อปปิ้ง AI จะปรับปรุงประสบการณ์ในการซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำหรือการตอบคำถาม
เราอาจจะไม่ต้องต่อคิวการชำระเงินอีกต่อไป แค่เดินเข้าไปหยิบสินค้า เงินก็จะถูกหักอัตโนมัติ
อุปกรณ์ VR ก็จะช่วยให้การซื้อสินค้าเกิดขึ้นอย่างราบรื่นโดยไม่ต้องออกจากบ้าน
หุ่นยนต์ก็จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการคลังสินค้าและขนส่ง
และเมื่อไหร่ที่เทคโนโลยีพิมพ์สามมิติสามารถพิมพ์ทุกอย่างได้ มันอาจจะเป็นจุดจบของห่วงโซ่อุปทาน และลูกค้าก็ออกแบบสินค้าอย่างที่ต้องการได้
การโฆษณา
ในด้านโฆษณา อุปกรณ์เซ็นเซอร์หลากหลาย บวกกับเทคโนโลยีจำลองภาพและเสียง และเทคโนโลยี VR เราจะได้รับโฆษณาที่เจาะจงกับพฤติกรรมของเราอย่างที่สุด และจะถูกนำเสนอโดยคนที่เราชื่นชอบ
และมันก็เป็นไปได้ ที่ AI จะเข้าใจพฤติกรรมของเราอย่างสมบูรณ์แบบ และตัดสินใจซื้อสินค้าแทนเรา ทำให้การโฆษณาไม่จำเป็นอีก
ความบันเทิง
ความบันเทิงจะเปลี่ยนแปลงใน 3 ด้าน คนสร้าง content ประเภท content และการเข้าถึง content
เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยให้ผู้สร้าง content สร้างการบันทึกแบบดิจิตอลที่เป็นเอกลักษณ์และลอกเลียนแบบไม่ได้
และในอนาคต AI ก็จะสร้าง content ด้วย
นอกเหนือจากนั้นแล้ว อุปกรณ์เซ็นเซอร์และ VR บวกกับเทคโนโลยีโฮโลแกรม จะทำให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมและรับความสัมผัสที่เสมือนจริง และจะทำได้ทุกที่และทุกเวลา
ตัวอย่างที่ดีคือหนัง Ready Player One ที่ทุกคนเข้าไปอยู่ในโลกเสมือนจริง
และไม่แน่ว่าในอนาคตที่ไกลกว่านั้น เราจะได้รับความบันเทิงที่เจาะจงไปที่สมองโดยตรง และจะเปลี่ยนความบันเทิงอย่างสิ้นเชิง
การศึกษา
ในด้านการศึกษา มันมีปัญหาอยู่ 2 อย่าง คุณภาพและปริมาณของครู
อุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตที่ราคาถูกลงจะช่วยในด้านนี้ เพราะจะเข้าถึงอย่างกว้างขวาง และช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องการ
เขาได้ทำการทดลองในประเทศเอธิโอเปียที่ให้แท็บเล็ตกับเด็กๆ และภายใน 2 อาทิตย์เด็กก็เริ่มเรียนรู้ภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
ในอนาคต AI จะช่วยออกแบบหลักสูตรการศึกษาที่เจาะจงสำหรับแต่ละคน
และเทคโนโลยี AR อาจจะทำให้การศึกษาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างเช่นถ้ามองไปที่ไหนก็จะมีคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งนั้น
การดูแลสุขภาพ
ในด้านการดูแลสุขภาพ จุดโฟกัสจะเปลี่ยนไปการตรวจและป้องกันก่อนโรคร้ายจะเป็นอันตราย
อุปกรณ์เซ็นเซอร์อาจจะเข้าไปอยู่ในร่างกายเพื่อวัดค่าตลอดเวลา และจะคอยเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติ
และจะสามารถอ่านข้อมูลและซ่อมแซม DNA ที่เป็นปัญหา และจะช่วยรับมือกับโรคทางพันธุกรรม
หุ่นยนต์ก็อาจจะเข้ามาทำการผ่าตัดเพราะมีความแม่นยำสูง
และการพิมพ์ 3 มิติ ก็จะช่วยสร้างอวัยวะเทียม
ที่สำคัญกว่านั้น มันจะช่วยออกแบบการรักษาและดูแลสุขภาพ ที่จะเจาะจงกับตัวคนไข้โดยเฉพาะ
ในเรื่องนี้ผมแนะนำให้ไปชมคลิป Lifespan แก่ช้าอายุยืน ด้วยนะครับ
การเงิน ประกัน และอสังหาริมทรัพย์
ในด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการออมเงิน การส่งเงิน และการจ่ายเงิน ทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนแปลงโดยเทคโนโลยี
โดยเฉพาะจาก blockchain ที่ไม่ต้องมีคนกลาง
และ AI ก็จะช่วยออกแบบแผนการลงทุน และซื้อขายหลักทรัพย์
ในด้านประกัน AI และอุปกรณ์เซนเซอร์ทั้งหลาย จะจับพฤติกรรมคนขับรถ และคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสม
นอกเหนือจากนั้นแล้ว เทคโนโลยีจะปรับปรุงความปลอดภัยของรถยนต์ และเปลี่ยนแปลงความเสี่ยงและเพิ่มซับซ้อนให้กับบริษัทประกัน
ในด้านอสังหาริมทรัพย์ AI และเทคโนโลยี VR จะช่วยให้เลือกบ้านได้ง่ายและสะดวกขึ้น และอาจไม่จำเป็นต้องมี agent
ในอนาคต เมื่อการขนส่งสะดวกและเร็ว ปัจจัยสำคัญของการเลือกที่อยู่อาศัยอย่างทำเล อาจจะถูกมองข้าม และผู้คนจะกระจายออกไปอยู่ชานเมืองเพิ่มขึ้น
อาหารการกิน
ในด้านอาหารการกิน ปัญหาหลักคืออาหารจำนวนมากไม่ถูกรับประทานและต้องทิ้ง หมายความว่าทรัพยากรที่นำมาซึ่งอาหารเหล่านี้ก็ไร้ค่า
ทุกๆขั้นตอนของการผลิตอาหารกำลังเปลี่ยนแปลง อย่างเช่นเทคโนโลยีชีวภาพ การใช้หุ่นยนต์และ AI ช่วยให้การปลูกพืชผักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การสร้างฟาร์มแบบ vertical farming ก็จะช่วยให้พืชผักอยู่ใกล้แหล่งบริโภค
ตอนนี้ก็เริ่มมีการทดลองปลูกเนื้อจาก stem cell ที่จะมีสารอาหารมากกว่าและไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม
ท้ายสุด
ท้ายสุดนะครับ นอกเหนือจากที่เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแล้ว มันก็ยังจะช่วยให้มนุษยชาติเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น อย่างเช่นปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งภัยพิบัติจากเทคโนโลยีที่คาดไม่ถึง
มันสำคัญที่เราจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เทคโนโลยีถูกนําไปใช้ในทางที่ผิด
จะทำอย่างนั้นได้เราอาจจะต้องมีแนวคิดใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างการปกครองที่ต้องปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็วเพื่อรับมือ และเพื่อให้เทคโนโลยีทำประโยชน์ให้กับเราทุกคน
ผมหวังว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการบทความนี้นะครับ
ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความและชมคลิปรีวิวหนังสือของผมนะครับ
Pop (ป๊อป) BooksDD
—